Functional Medicine ต่างกับ Conventional Medicine หรือการแพทย์ทั่วไป อย่างไร

 

Functional Medicine คือการดูแลแก้ไขที่สาเหตุต้นตอของโรคหรืออาการ เพื่อป้องกันหรือทุเลาการดำเนินของโรค  ถ้าเปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้ ” คือการรักษาราก ไม่ใช่รักษาโรค ”

ส่วนการแพทย์ทั่วไปจะเป็นการรักษาสิ่งที่เห็น เช่น เมื่อเห็นต้นไม้เป็นโรค ก็อาจใช้การพ่นยาหรือตัดส่วนที่เป็นโรคทิ้ง โดยบางครั้งหรือบ่อยครั้งอาจไม่ได้คำนึงถึงสาเหตุหรือต้นตอ คือระบบรากของต้นไม้นั่นเอง

แนวคิดความอ่อนเยาว์จากภายใน: จาก Functional Medicine สู่ Vitality & Longevity

แนวคิด “อ่อนเยาว์จากภายใน” คือการฟื้นคืนสมดุลการทำงานของร่างกายตั้งแต่ระดับระบบ (systems biology) เพื่อให้พลังชีวิต (vitality) ดีขึ้นและยืดอายุสุขภาพ (longevity) โดยไม่ยึดติดกับอายุปฏิทินเพียงอย่างเดียว แนวทาง Functional Medicine มุ่งหาต้นตอความผิดปกติและปรับแผนดูแลแบบเฉพาะบุคคล มีการค้นพบว่ารูปแบบการดูแลนี้สัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตโดยรวมที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับการดูแลแบบทั่วไปในบางบริบทครับ [1,2].

ทำไม “อ่อนเยาว์จากภายใน” จึงสำคัญ

เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น จะเกิดภาวะอักเสบระดับต่ำเรื้อรัง (inflammaging) ที่ค่อย ๆ บั่นทอนสมรรถนะหลายระบบและสัมพันธ์กับโรคเรื้อรังหลากชนิด [3]. มีแกนหลักสำคัญคือ “ลำไส้–ภูมิคุ้มกัน–สมอง” (gut–immune–brain axis) ที่สื่อสารกันผ่านภูมิคุ้มกัน เส้นประสาทเวกัส สารที่จุลชีพในลำไส้ (ไมโครไปโอม ) สร้างขึ้น  ซึ่งชี้ว่าการดูแลลำไส้และไมโครไบโอมส่งผลต่ออารมณ์ พลังงาน การนอน  [4,5].


4 เสาหลักของโปรแกรมแบบ Functional เพื่อ Vitality & Longevity

  1. โภชนบำบัด & Metabolic Reset
    อาหารไม่ใช่แค่แคลอรี แต่สามารถปรับซอฟต์แวร์ทางชีววิทยาของเราได้ การปรับอาหารช่วยลดการอักเสบ ฟื้นไมโครไบโอม และรีเซ็ตเมแทบอลิซึม [7].

  2. สมดุลฮอร์โมนอย่างปลอดภัย
    ในผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยทองจะมีการลดระดับของ estrogen และ progesterone ลงอย่างมากและฉับพลัน ทำให้มีผลต่อผิวพรรณ สมอง กระดูก และระบบหัวใจ ส่วนในผู้ชายสูงอายุ ภาวะ testosterone ที่ค่อยๆลดลงสัมพันธ์กับ “inflammaging” และอาการล้า กล้ามเนื้อลด คุณภาพการนอนแย่ลง การประเมินแบบองค์รวมและการปรับปัจจัยต้นเหตุสามารถช่วยเสริมสมรรถนะได้ [8].

  3. ลำไส้–ภูมิคุ้มกัน–สมอง
    การปรับสมดุลและฟื้นฟูลำไส้สามารถส่งผลดีต่ออารมณ์ ความเครียด การนอน และพลังงานในชีวิตประจำวัน [4,5].

  4. ภาระพิษ & โลหะหนักอย่างมีหลักฐาน
    การประเมินและลดสัมผัสสารพิษ/โลหะหนักที่สะสมมาเป็นเวลานานจากการใช้ชีวิตประจำวัน  (เช่น แคดเมียม ปรอท ตะกั่ว) มีการศึกษาทดลองพบว่ามีบทบาทต่อ ภูมิคุ้มกันผิดปกติ และความเสื่อมของระบบประสาทด้วย [9,10].

Foundations ที่ต้องทำควบคู่: Sleep–Stress–Strength
การนอนที่มีคุณภาพสัมพันธ์กับภูมิคุ้มกันที่สมดุล การอดนอน/นอนไม่ดีเรื้อรังกระตุ้นการอักเสบและลดการตอบสนองวัคซีน จึงควรแก้ปัจจัยการนอนเป็นฐานของทุกโปรแกรม [6].


เส้นทางการดูแล (Care Pathway)

  • Baseline Mapping: ประวัติ–พฤติกรรม–อาการ, ตรวจตัวชี้วัดชีวภาพพื้นฐานเพิ่มเติม

  • Personalized Plan: อาหาร/การนอน/การออกกำลังกาย การจัดการความเครียด + เสริมอาหารตามข้อบ่งชี้

  • Re-balance & Re-test: ติดตามผลลัพธ์เป็นระยะ ปรับแผนตามข้อมูลจริง  [1,2].


เคสตัวอย่าง

เคสผู้หญิงอายุ 45 ปี มีอาการผื่นที่ผิวหนังเรื้อรัง ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ได้รับการรักษาด้วยการทายา และทานยากดภูมิมาตลอด ไม่สามารถหยุดยาได้ จึงเข้ารับการตรวจประเมินที่คลินิกเพิ่มเติม พบมีภาวะลำไส้รั่ว (leaky gut) และมีแพ้อาหารแฝงหลายชนิด ร่วมกับมีภาวะต่อมหมวกไตล้า มีฮอร์โมนบางอย่างไม่สมดุล เคสนี้รากของปัญหาจึงอยู่ที่ระบบ microbiome ในลำไส้ ร่วมกับสมดุล hormone หลังปรับแก้ 2 เดือน สามารถเริ่มลดยากดภูมิได้ และอาการผื่นกำเริบไม่ได้เป็นบ่อยเท่าเดิม มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สดใสขึ้น


ความคาดหวังที่ถูกต้อง

แนวทางนี้เป็น การดูแลแบบผสมผสาน (integrative) เพื่อแก้สมดุลต้นเหตุ ไม่ได้ทดแทนการรักษามาตรฐานในภาวะเฉียบพลันหรือโรคที่ต้องใช้ยาหลัก ควรร่วมมือกับแพทย์ประจำของคุณเสมอ และปรับตามความเหมาะสมรายบุคคล


เริ่มต้นอย่างเป็นระบบ

นัดตรวจประเมินพื้นฐาน เพื่อวิเคราะห์เส้นทางสู่ Vitality & Longevity ของคุณ วางแผน 12 สัปดาห์ที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดความก้าวหน้า และการดูแลอย่างใกล้ชิด—เพราะ “อ่อนเยาว์จากภายใน” เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้


เอกสารอ้างอิง

  1. Beidelschies M, Alejandro-Rodriguez M, Ji X, et al. Association of the Functional Medicine Model of Care With Patient-Reported Health-Related Quality-of-Life Outcomes. JAMA Netw Open. 2019;2(10):e1914017. doi:10.1001/jamanetworkopen.2019.14017. JAMA Network

  2. Beidelschies M, Alejandro-Rodriguez M, Guo N, et al. Patient outcomes and costs associated with functional medicine-based care in a shared versus individual setting for patients with chronic conditions: a retrospective cohort study. BMJ Open. 2021;11(4):e048294. doi:10.1136/bmjopen-2020-048294. PubMed

  3. Franceschi C, Garagnani P, Parini P, Giuliani C, Santoro A. Inflammaging: a new immune–metabolic viewpoint for age-related diseases. Nat Rev Endocrinol. 2018;14(10):576–590. doi:10.1038/s41574-018-0059-4. Nature

  4. Cryan JF, O’Riordan KJ, Cowan CSM, et al. The Microbiota–Gut–Brain Axis. Physiol Rev. 2019;99(4):1877–2013. doi:10.1152/physrev.00018.2018. PubMed

  5. Mayer EA. The Gut–Brain Axis. Annu Rev Med. 2022;73:439–453. doi:10.1146/annurev-med-042320-014032. Annual Reviews

  6. Irwin MR. Sleep and inflammation: partners in sickness and in health. Nat Rev Immunol. 2019;19(11):702–715. doi:10.1038/s41577-019-0190-z. Nature

  7. Hyman M, Bradley E. Food, Medicine, and Function: Food Is Medicine Part 1. Phys Med Rehabil Clin N Am. 2022;33(3):553–570. doi:10.1016/j.pmr.2022.04.001. PubMed

  8. Xing D, Jin Y, Jin B. A narrative review on inflammaging and late-onset hypogonadism. Front Endocrinol (Lausanne). 2024;15:1291389. doi:10.3389/fendo.2024.1291389. Frontiers

  9. Xu L, Zhang W, Liu X, Zhang C, Wang P, Zhao X. Circulatory Levels of Toxic Metals (Aluminum, Cadmium, Mercury, Lead) in Patients with Alzheimer’s Disease: A Quantitative Meta-Analysis and Systematic Review. J Alzheimers Dis. 2018;62(1):361–372. doi:10.3233/JAD-170811. PubMed

  10. Bakulski KM, Seo YA, Hickman RC, et al. Heavy Metals Exposure and Alzheimer’s Disease and Related Dementias. J Alzheimers Dis. 2020;76(4):1215–1242. doi:10.3233/JAD-200282. PubMed