เจาะลึก 5 ลักษณะ ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบทอกลดกราม
1. แก้มตอบ
เพราะแก้มจะยิ่งตอบมากขึ้นถ้ากรามมีขนาดเล็กลง
จากรูป สีส้มแสดงกล้ามเนื้อกราม พบว่าเมื่อมีขนาดเล็กลง หน้าจะยิ่งตอบมากขึ้น
2. โหนกแก้มค่อนข้างชัด
เพราะถ้ากรามลดลงโหนกแก้มอาจจะยิ่งเห็นชัดขึ้น ทั้งนี้อาจฉีดได้แต่ต้องกำหนดปริมาณและตำแหน่งในการฉีดให้เหมาะสมครับ
จากรูป สีส้มแสดงกล้ามเนื้อกราม พบว่าเมื่อมีขนาดเล็กลง จะเห็นลักษณะของโหนกแก้มที่ชัดขึ้น
3. มีความหย่อนคล้อยของแก้มช่วงล่าง
เพราะปกติกล้ามเนื้อกรามจะดึงแก้มเราไว้ไม่ให้หย่อนลงมาด้านหน้า ถ้ากรามเล็กลงอาจจะทำให้มีความหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้นได้
จากรูป สีส้มแสดงกล้ามเนื้อกราม พบว่าเมื่อมีขนาดเล็กลงใบหน้ากลับดูหย่อนคล้อยมากขึ้น
4. มีปริมาณไขมันที่แก้มมาก หรือมีกระดูกขากรรไกรที่ใหญ่กว่ากล้ามเนื้อกรามมากๆ
เพราะแม้กรามจะเล็กลงแต่แก้มที่ใหญ่หรือโครงกระดูกขากรรไกรที่ใหญ่ก็จะบดบังไม่ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ กรณีนี้อาจต้องลดแก้มร่วมด้วยสำหรับคนที่มีไขมันแก้มปริมาณมาก
จากรูป สีส้มแสดงกล้ามเนื้อกราม พบว่าแม้จะมีขนาดเล็กลง แต่ก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังทำ
5. กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็ก
เพราะจะไม่เห็นผล เนื่องจากไม่มีกล้ามเนื้อกรามให้ลด ควรใช้วิธีอื่นจึงจะเหมาะสมกว่า เช่น ลดไขมันที่แก้ม หรือทำให้แก้มกระชับมากขึ้น
จากรูป สีส้มแสดงกล้ามเนื้อกรามพบว่ามีขนาดเล็กอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนทำ หลังฉีดจึงไม่สามารถทำให้เล็กลงไปได้อีกมาก จึงไม่ค่อยเกิดความเปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก
สรุป
อย่างไรก็ตามการโบทอกลดกรามถือเป็นการรักษาที่นิยมมากและได้ผลดีในคนไข้ที่มีมัดกล้ามเนื้อกราม (masseter ) ขนาดใหญ่ วิธีทดสอบง่ายๆ แค่ใช้นิ้วแตะที่มุมกรามแล้วกัดฟัน ถ้ามีลักษณะนูนแข็งขึ้นเป็นมัดอย่างชัดเจน และไม่มีลักษณะต่างๆ ตาม 5 ข้อด้านบนที่กล่าวมา ก็สามาถฉีดโบทอกลดกรามเพื่อให้หน้าเรียวขึ้นได้ครับ
จากรูปสีส้มแสดงกล้ามเนื้อกราม จะเห็นว่าเมื่อกล้ามเนื้อกรามลดลงหน้าก็จะเรียวขึ้น
รูปด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างเคสที่ฉีดโบทอกเพื่อลดกรามและทำการสลายไขมันเพื่อลดแก้มร่วมด้วยครับ (ผลการรักษาอาจแตกต่างกันขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละคน)