Botulinum /โบทอก / คืออะไร ?
เป็นสารโปรตีนบริสุทธิ์ชนิดหนึ่งมีการใช้ในทางการแพทย์มามากกว่า 10 ปี ในการรักษาโรคต่างๆ ที่เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ ในทางความงามและศาสตร์ชะลอวัย มีการนำมาใช้เพื่อลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ลดขนาดกล้ามเนื้อในบางตำแหน่ง เช่น กราม น่อง และนอกจากนี้ยังใช้ลดเหงื่อได้อีกด้วย
โบทูลินุมที่คลินิกเลือกใช้มีคุณภาพสูง และผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย. ) ของประเทศไทย
การฉีดโบต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการรักษา แน่นอนแม้จะฉีดตัวยาเหมือนกัน ผลการรักษาที่ได้ก็อาจจะไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นกับแพทย์ผู้ให้การรักษาด้วยครับ ที่คลินิกเรามีประสบการณ์ในการรักษาคนไข้ถึง 10 ปี คิดเป็นจำนวนการรักษาหลายหมื่นครั้ง จึงมั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษา
การฉีดโบท็อกใช้ลดริ้วรอยได้อย่างไร ?
โบทูลินุมลดริ้วรอยได้โดยทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดการหดเกร็งลง ริ้วรอยต่าง ๆ ที่เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อบนใบหน้าจึงลดลง เช่น รอยย่นที่หน้าผาก , รอยย่นขมวดคิ้ว, รอยตีนกา ฯลฯ
การฉีดโบใช้ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นได้อย่างไร ?
โบทูลินุมจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อและลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้ขนาดของกล้ามเนื้อค่อยๆ ลดลง ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กสไตล์เกาหลีได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการผ่าตัด ใครบ้างเหมาะหรือไม่เหมาะที่จะฉีดโบลดกรามสามารถคลิกอ่านได้ที่นี่ครับ
ผลการรักษาอาจแตกต่างกัน ขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การฉีดโบใช้ลดเหงื่อได้อย่างไร ?
โบทูลินุมจะช่วยลดการผลิตเหงื่อโดยการยับยั้งการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมต่อมเหงื่อทำให้ผลิตเหงื่อได้ลดลง และทำให้กลิ่นเหงื่อลดลงด้วย
เมื่อไหร่จึงจะเห็นผล และผลการรักษาอยู่ได้นานแค่ไหน ?
สำหรับการลดเลือนริ้วรอยหลังการรักษาไปประมาณ 1 สัปดาห์จะเริ่มเห็นได้ว่าริ้วรอยลดลง และเห็นผลเต็มที่หลังรักษา 2-3 สัปดาห์
สำหรับการทำหน้าเรียว จะเริ่มเห็นได้ว่าใบหน้าเรียวขึ้นหลังจากการรักษาประมาณ 4 สัปดาห์ ผลรักษาจะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
หลังจากการรักษาควรปฎิบัติตัวอย่างไร ?
- หลังรักษาห้ามนอนราบ 3 ชั่วโมง
- ห้ามนวดบริเวณที่ทำการรักษา เพราะอาจทำเกิดการกระจายตัวไปที่กล้ามเนื้อรอบดวงตาได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนที่ผิวหน้าโดยตรง เช่น การทำเลเซอร์ อบซาวน่า ทรีทเมนต์ที่มีความร้อนเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หากใช้ลดขนาดกรามให้เคี้ยวหมากฝรั่งเป็นเวลาครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงหลังฉีด เพื่อให้ยากระจายตัวทำให้ประสิทธิภาพการรักษาดีขึ้น
ผลการรักษาอาจแตกต่างกัน ขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล